5 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวจีน 2019

มาชมรีวิว 5 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจีนกันอีกครั้งในปี 2019 นี้ ว่าอะไรจะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันมากที่สุดหรือแม้แต่กลุ๊ปทัวร์ที่ถูกจัดขึ้นจะนำท่านไปยังที่ไหนกันบ้าง

1. กําแพงเมืองจีน ปักกิ่ง

สถานที่ท่องเที่ยวจีน 2019

เป็นกำแพงที่มีป้อมคั่นเป็นช่วง ๆ ของจีนสมัยโบราณ กำแพงส่วนใหญ่ที่ปรากฏในปัจจุบันสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบุกรุกจาก ชาวฮัน หรือ ซฺยงหนู คำว่า ซฺยงหนู บางทีก็สะกดว่า ซุงหนู หรือ ซวงหนู ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอารยธรรมจีนในยุคต้น ๆ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว (ราว 400 ปีก่อนคริสตกาล) เนื่องจากจะเข้ามารุกรานจีนตามแนวชายแดนทางเหนือ ในสมัยราชวงศ์ฉิน ได้สั่งให้สร้างกำแพงหมื่นลี้ตามชายแดน เพื่อป้องกันพวกซฺยงหนูเข้ามารุกรานและพวกเติร์ก จากทางเหนือ หลังจากนั้นยังมีการสร้างกำแพงต่ออีกหลายครั้งด้วยกัน แต่ภายหลังก็มีเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียสามารถบุกฝ่ากำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ

ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ถึงแม้จะต้องเหน็ดหนื่อยในการเดินขึ้นบันได้หลานสิบขั้น แต่ถ้าไมาถึงจุดชมวิวที่สวยงามแล้วท่านจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน

2. สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ซีอาน

ฮวงซุ้ยของจักรพรรดิจีนฉินสื่อหวงแห่งราชวงศ์ฉิน ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง ห่างจากเมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน

สุสานฉินสื่อหวงได้ค้นพบโดยบังเอิญเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ชื่อ หยางจื้อฟา ในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม.โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผา ที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี

ปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ภายในบริเวณพื้นที่หลุมสุสานกว่า 25,000 ตร.ม. มีการคาดคะเนว่าอาณาเขตของสุสานฉินสื่อหวงจะมีพื้นที่มากกว่า 2,180 ตร.กม. สุสานฉินสื่อหวงได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี พ.ศ. 2530

สุสานฉินสื่อหวงเริ่มก่อสร้างในสมัยฉินสื่อหวง ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 38 ปี ตั้งแต่ปี 208 – 246 ก่อนคริสตกาล ซึ่งอาณาเขตพื้นที่ของสุสานรวมทั้งสิ้น 2,180 ตร.กม. แบ่งออกเป็นพระราชฐานชั้นในและพระราชฐานชั้นนอก ภายในสุสานใช้บรรจุพระบรมศพของฉินสื่อหวง ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ตลอดจนกองกำลังทหาร นางสนมและนางกำนัล รถม้าและขุนพลทหาร จำนวนมาก เพื่อเป็นตัวแทนของข้าราชบริพารในการร่วมเดินทางไปยังปรโลกของฉินสื่อหวง

โครงสร้างและสถาปัตยกรรมโดยรวมของสุสาน มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความลึกเฉลี่ย 35 เมตร กว้าง 145 เมตร และ ยาว 170 เมตร

สำหรับห้องบรรจุพระบรมศพอยู่จุดกึ่งกลางของสุสาน มีความสูง 15 เมตร มีขนาดพื้นที่และความใหญ่โตมโหฬารราวกับสนามฟุตบอล

สำหรับภายใน ในส่วนที่ก่อสร้างจากหินนั้นยังคงได้รับการปิดผนึกอย่างดีโดยคงสภาพเดิมเอาไว้ และไม่เคยผ่านการขุดและรื้อทำลายมาก่อน โดยโครงสร้างของสุสานดังกล่าว มีรูปแบบโครงสร้างและการจัดสร้างที่มีความสลับซับซ้อน ขนาดของสุสานมีขนาดมหึมา ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติของจักรพรรดิจีนผู้รวบรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่น

3. เมืองแห่งแพนด้ายักษ์ เฉิงตู่

เป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจกลางมณฑล ประชากรเมืองเฉิงตูมีราว 10 ล้านคน จัดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ คำว่าเฉิงตูมีความหมายว่า ค่อย ๆ กลายเป็นเมือง เนื่องจากย้อนไปเมื่อราว 2,000 ปีที่แล้ว ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการจัดการชลประทานขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ชื่อว่าเฉิงตู

นอกจากนี้แล้วยังมีเมืองที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาให้ความสนใจนั้นก็คือเมืองที่อนยู่ของแผนด้ายักษ์นี้เอง ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การพักพิงของแผนด้าเหล่านี้

4. อุทยานจางเจียเจี้ย

 

อู่หลิงยฺเหวียน คือชื่อเรียกบริเวณอนุรักษ์ทางธรรมชาติของจีนหลายแหล่งรวมกันที่มีทั้งความงดงามทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์จนได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลก ตั้งอยู่ในเขตเมืองจางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีชื่อเสียงในเรื่องเป็นแหล่งที่มีเสาหินควอร์ตไซต์กว่า 3,100 ต้น

อุทยานแห่งชาติอู่หลิงยฺเหวียนได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “ภูมิทัศน์แห่งอู่หลิงยฺเหวียนและพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ” ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 16 เมื่อปี พ.ศ. 2535 ที่เมืองแซนตาเฟ สหรัฐอเมริกา ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้

5. ภูเขาสีเหลืองแสนงดงาม หวงซาน

เขาหวงซาน เป็นเทือกเขาที่ทอดตัวอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีชื่อเสียงมาจากทิวทัศน์ที่งดงามของยอดเขาหินแกรนิตและต้นสนหวงรูปร่างแปลกตา และภาพของหมอกและเมฆที่ลอยอยู่ใกล้ยอดเขา บริเวณเทือกเขายังมีน้ำพุร้อนและบ่อน้ำร้อนธรรมชาติอีกมากมาย เนื่องมาจากความงดงาม จึงมักจะปรากฏภาพของเทือกเขาหวงอยู่ในภาพเขียนจีน หรือปรากฏชื่อในวรรณกรรมอยู่บ่อยครั้ง ปัจจุบันนี้ องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเทือกเขาหวงเป็นมรดกโลก และยังจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในจีน

เขาหวงประกอบไปด้วยยอดเขาจำนวนมาก มียอดภูเขาที่มีชื่อ 72 ยอด [1] และมีอยู่ 77 ยอดที่มีความสูงมากกว่า 1,000 เมตร ยอดเขาที่สูงที่สุด 3 อันดับแรกในเทือกเขาคือ ยอดเขาเหลียนหัว (เหลียนหัวเฟิง ยอดเขาดอกบัว มีความสูง 1,864 เมตร) ยอดเขากวงหมิง ยอดเขาสว่าง มีความสูง 1,840 เมตร และ ยอดเขาเทียนตู่ เทียนตู่เฟิง แปลว่า ยอดเขาเมืองหลวงแห่งสวรรค์ มีความสูง 1,829 เมตร) เขตที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกประกอบด้วยบริเวณเทือกเขาซึ่งมีพื้นที่ 154 ตารางกิโลเมตร และรอบๆเทือกเขาอีก 142 ตารางกิโลเมตร

เขาหวงถือกำเนิดขึ้นในมหายุคเมโซโซอิก เมื่อประมาณ 100 ล้านปีก่อน โดยเกิดจากพื้นก้นทะเลยกตัวขึ้นสูง ต่อมาในยุคควอเทอร์นารี พื้นผิวของเทือกเขาถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นเสาหินขึ้นทั่วไป และต่อมาก็เกิดป่าขึ้นบนเสาหินเหล่านั้น

ในสมัยราชวงศ์จิ๋น เทือกเขาหวงมีชื่อเรียกว่า ยี่ซาน ชื่อในปัจจุบันได้รับการตั้งขึ้นใหม่ โดยนักประวัติศาสตร์พบข้อเท็จจริงนี้จากกวีนิพนธ์ของลิโป้ ซึ่งได้กล่าวถึงเทือกเขาหวงด้วยชื่อในปัจจุบัน

พืชที่ขึ้นอยู่ในบริเวณเทือกเขาหวงจะแตกต่างกันไปตามระดับความสูง ที่ความสูงต่ำกว่า 1,100 เมตร จะเป็นป่าชื้น ความสูงระหว่าง 1,100-1,800 เมตร จะเป็นป่าผลัดใบ และความสูงตั้งแต่ 1,800 เมตรขึ้นไป จะเป็นทุ่งหญ้าในลักษณะที่ขึ้นอยู่ตามที่สูง บริเวณเทือกเขามีพรรณไม้หลากหลายชนิด จากการสำรวจพบว่ามีพืชจำพวกพืชไม่มีท่อลำเลียงจำนวน 1 ใน 3 จากตระกูลที่มีอยู่ในจีน และตระกูลเฟิร์นถึงครึ่งหนึ่งจากจำนวนตระกูลทั้งหมดในจีน อยู่ในเทือกเขานี้

เนื่องจากยอดเขาต่างๆมักจะอยู่เหนือระดับของเมฆ ทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของก้อนเมฆได้จากยอดเขา และทำให้เกิดปรากฏการณ์แสงอันน่าอัศจรรย์ ทั้งปรากฏการณ์ทะเลเมฆ และแสงพระพุทธ เป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาชม โดยเฉลี่ยแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์แสงพระพุทธขึ้นเดือนละ 2 ครั้ง

แหล่งที่มา : https://www.wikipedia.org/