ต้องบอกเลยว่าใครที่ได้เห็นจะต้องทึ่งในความอะเมซิ่งนี้เอามาๆเลย ซึ่ง ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวเตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายและถ้าจะให้ถึงความอะเมซิ่งอีกอย่างคือ รูปร่างของทะเลสาบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวตามธรรมชาติ ไม่ใช่ฝีมือการจัดการของมนุษย์ โดยเนินทรายที่รายล้อมทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวนั้น บ่อยครั้งเมื่อผู้คนสัญจรไปมา มักจะได้ยินเสียงสนทนากระซิบกระซาบอยู่รอบๆ แต่เมื่อมองไปกลับไม่มีใครอยู่ ทำให้เนินทรายนี้ได้ชื่อว่าเนินทรายกระซิบนั่นเอง
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ได้มีการพิสูจน์แล้วว่าเสียงกระซิบที่มาจากเนินทรายกระซิบนั้น ความจริงคือ เสียงลมที่พัดผ่านทราย บริเวณโดยรอบนั่นเอง ซึ่งด้วยลักษณะพิเศษภูมิประเทศและกระแสลมบริเวณนี้ ทำให้ขณะที่ลมพัดทรายไปมา จะเกิดปรากฎการณ์เสียงดังกล่าวขึ้น
นอกจากนี้ ลักษณะพิเศษของภูมิประเทศและกระแสลมดังกล่าว ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำในทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวใสกระจ่างอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย เพราะกระแสลมได้พัดพาฝุ่นทรายขึ้นไปเหนือทะเลสาบตลอดเวลา ทำให้ไม่มีฝุ่นทรายตกลงมายังทะเลสาบ และกลายเป็นทะเลสาบถูกล้อมรอบด้วยเนินทรายแทน
ถึงแม้ในยุคหลังจากราชวงศ์หมิง (1368 – 1644 AD) เส้นทางสายไหมจะเสื่อมความนิยมไปเพราะปัญหาภัยสงคราม แต่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวและเนินทรายกระซิบก็ไม่เคยขาดผู้คน เพราะสถานที่แห่งนี้ยังคงมีความสำคัญในฐานะโอเอซิสของผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มาตลอด กระทั่งในปี 1990 ความลึกเฉลี่ยที่วัดได้ในทะเลสาบจาก 5 เมตร ลดลงไปเหลือเพียง 0.9 เมตร ทำให้รัฐบาลจีนต้องเข้ามามีบทบาทดูแลรักษาเติมน้ำเพื่อรักษาทะเลสาบรูปพระจันทร์เสี้ยวนี้ไว้จนถึงปัจจุบัน