รู้จักกับเมืองฉางซา

รู้จักกับเมืองฉางซา

ตามตำนานประวัติศาสตร์ของจีน สมัยสามก๊ก เมื่อฉางซาเคยเป็นเมืองที่กวนอูตั้งตนเป็นใหญ่อยู่นานนับสิบปี และในปัจจุบันนี้เมืองฉางซาเป็นแหล่งผลิตข้าวระดับ 1 ใน 4 ของจีน

เมืองฉางซา มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานมากกว่า 3,000 ปี ในสมัยราชวงศ์ฉิน ราวศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ราชสำนักได้สั่งการให้มีการจัดตั้งเขตฉางซา เป็นลักษณะเขตการปกครอง และต่อมาเปลี่ยนชื่อเขตฉางซาเป็นรัฐฉางซา ในสมัยราชวงศ์ฮั่น หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในนครฉางซาได้แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานของนครฉางซา เช่น เมื่อปี 2515-2517 นักโบราณคดีได้ขุดพบโบราณวัตถุจำนวนมากที่สุสานของราชวงศ์ฮั่น ที่หม่าหวังตุ้ย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของเขตชานเมืองนครฉางซา

ช่วงระหว่างสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ในปี 2480-2488 นครฉางซาได้ถูกไฟไหม้ทำลายเสียหายมาก หลังจากที่จีนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองใน 2492 จนปัจจุบันหรือตลอดระยะเวลาประมาณ 50 กว่าปีที่ผ่านมา นครฉางซาได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นโดยลำดับ จากเดิมที่เป็นเฉพาะการพาณิชย์ จนมาเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหม่แบบครบวงจร ทั้งภาคอุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ที่ฉางซา มีพิพิธภัณฑ์หม่าหวังตุ้ย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงการค้นพบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เกิดจากการขุดพบสุสานโบราณ ซึ่งภายในมีศพสตรีที่มีรูปโฉมสมบูรณ์ที่สุด เส้นผมเป็นประกาย ผิวหนังชุ่มชื้น กล้ามเนื้ออ่อนนุ่ม รอยนิ้วมือนิ้วเท้าชัดเจน สภาพศพไม่แข็งตัว นอกจากนี้ยังมีหนังสือที่เขียนบนผ้าไหมและแผ่นไม้ไผ่ที่มีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการขุดค้นพบสุสานแห่งนี้ นับเป็นการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญที่สุดของจีนและของโลกในช่วงศตวรรษที่ 20
สวนสาธารณะเทียนซันเก๋อ เป็นสวนสาธารณะกลางเมืองฉางซา ซึ่งเป็นที่ตั้งของหอโบราณและกำแพงเมืองเก่าที่ยังอนุรักษ์ไว้อย่างดี สถานที่แห่งนี้และได้แต่งกลอนไว้ ซึ่งแต่งละบทได้ชื่นชมทิวทัศน์ของที่นี่

เมืองฉางซา ขึ้นชื่อในเรื่องของผ้าปักมีศูนย์ผ้าปักที่เลื่องชื่อติดอันดับ 1 ใน 4 ของประเทศจีน คุณจะได้ชมการทำผ้าปัก ที่มีความละเอียดและสวยงามดั่งภาพวาด แหล่งช้อปปิ้งของเมืองฉางซา จะมีถนนเดินเท้าศูนย์การค้าหวางซิง ที่คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ตามใจชอบ

อุทยานจางเจียเจี้ย

อุทยานจางเจียเจี้ย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปี ค.ศ.1982 และได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกธรรมชาติในปี ค.ศ.1992 ที่มีเนื้อที่กว่า 369 ตารางกิโลเมตร ท่านสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าสู่ เขาสิงโตเหลือง(หวงซือจ้าย) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดและมีเนื้อที่กว่า 83,000 ไร่และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร ที่เขาสิงโตเหลืองจะมีจุดชมวิวที่เรียงรายลดหลั่นไปตามแนวหน้าผา นับเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของจีน ที่จะทำให้คุณได้สัมผัสกับภาพของยอดเขาวงกตเทียมเมฆ จางเจียเจี้ย ที่มียอดเขาสูงนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาซึ่งเขาบางลูกมีลักษณะคล้ายบอนไซ บางลูกมีรูปร่างเหมือนดาบเล่มมหึมาปักอยู่ทั่วไป คุณจะได้ชมยอดเขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ยอดเขาประตูสาวพรหมจรรย์ ยอดเขาประตูศักดิ์สิทธิ์ ยอดเขาหนังสือสวรรค์ เขาเสาเข็มมหัศจรรย์แห่งท้องสมุทร เขาเสาสวรรค์แห่งทิศใต้ ฯลฯ แล้วเราจะได้ตามรอยและสัมผัสกับความงดงามของสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง อวตาร(Avatar) ที่เป็นฉากส่วนใหญ่ในเรื่อง ถ่ายจากอุทยานจางเจียเจี้ย ยอดเขาหวงซือจ้าย เป็นจุดท่องเที่ยวยอดเขาที่สวยที่สุด คุณจะได้เห็นภาพของยอดเขานับร้อยเหล่านี้ ถูกคลอเคลียด้วยหมอกบางๆ นับเป็นความสวยงามที่สุดแสนจะพรรณนา กับทิวทัศน์ที่คุณจะได้สัมผัสในเบื้องหน้า ซึ่งมีผู้คนไม่น้อยเปรียบเปรยว่าความงดงาม ดังกล่าวราวกับอยู่ในแดนสวรรค์ ถ้าหากมาถึงจางเจียเจี้ย แล้วไม่ขึ้นยอดเขาหวงซือจ้ายก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง

นอกจากยอดเขาหวงซือจ้าย คุณจะได้ชมลำธารจินเปียนซี (ลำธารแส้ทอง) ที่ไหลวนไปตามช่องเขาและชะง่อนผาสูงชันเข้าไปกลางภูเขาวงกต น้ำในลำธารจะมีสีเขียวใสและ สองฝั่งน้ำจะมีภูเขาหินรูปร่างสวยแปลกตาตั้งตระหง่านเรียงรายเป็นจำนวนมาก เช่น ผาแส้ม้าทอง ผาอรหันต์เมาเหล้า ผาช่วยมารดาลอดสี่ทวาร หากนักท่องเที่ยวที่ชอบการเรือล่อง สามารถล่องเรือในทะเลสาบเป่าเพิงหูบนช่องเขาสูงที่หายากมีความยาวถึง 2.5 กิโลเมตร ด้วยความที่บรรยากาศโดยรอบรายล้อมด้วยยอดเขาและน้ำที่ใสเหมือนกระจก ทำให้ยากที่จะแยกออกได้ว่าน้ำอยู่ในภูเขา หรือภูเขาอยู่ในน้ำกันแน่ นอกจากนี้ยังมีการแสดงโชว์กลางแจ้งอย่าง เหม้ยลีเซียงซี(นางจิ้งจอกขาว) เป็นโชว์ประกอบแสงสีเสียงที่อลังการที่สุดในจางเจียเจี้ย

จุดชมวิวภูเขาเทียนจื่อซาน หรือภูเขาเจ้าเทียนจื่อซาน มีเนื้อที่ 65 ตารางกิโลเมตร ยอดเขาสูงสุดวัดได้ 1,250 เมตรจากระดับน้ำทะเล ด้านทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก ของเขาเทียนจื่อซานเต็มไปด้วยชะง่อนผาสูงชัน มีลำห้วยลึก และมีป่าหินยักษ์รูปร่างต่างๆ และชมสวนสาธารณะจอมพลเฮ่อหลง สวนแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1986 เพื่อเป็นเกียรติแก่นายพลเฮ่อหลง แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นชาวลี่เจียและมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณนี้ ภายในบริเวณสวนสาธารณะจะมีจุดชมวิวซึ่งสามารถชมยอดเขาและหินแปลกนับไม่ถ้วน เช่น เขาพู่กัน เขาจักรพรรดิ เขาสวนสวรรค์ เขานางฟ้าโปรยดอกไม้ ฯลฯ ทัศนียภาพบนเขาจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา ในเวลาที่ท้องฟ้าแจ่มใสท่านจะเห็นทิวทัศน์สวยงามกว้างไกล สุดท้ายชม เทียนเซี่ยตี้อี้เฉียว (สะพานหนึ่งในใต้หล้า) มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง อีกทั้งมีลิฟท์แก้วไป่หลง สูง 326 เมตร

ชมทิวทัศน์ภาพเขียนสิบลี้ ซึ่งเป็นแนวทิวเขาที่ประกอบด้วยยอดเขารูปร่างแปลกพิสดารเรียงรายกัน 200 ยอดและมีลำธารเล็กๆ ไหลผ่านตามแนวทิวเขาเป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพเขียน เที่ยวชม ถ้ำหวงหลงต้ง (ถ้ำวังมังกรเหลือง) ถ้ำแห่งนี้มีความสูง 160 เมตรมีความลึก 1.5 กิโลเมตรซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชั้นด้วยกัน ภายในถ้ำมีอ่างเก็บน้ำ 1 แห่ง ลำธารใต้ดิน 2 สาย บึง 4 บึง ห้องโถง 13 ห้อง และระเบียงเดินเที่ยว 90 กว่าแห่ง โดยที่สามารถล่องเรือไปตามธารน้ำใต้ดินชมถ้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถ้ำวังมังกร ถ้ำวังแก้วผลึก ถ้ำวังซือหงอคง ชมประตูแห่งความสุข ชมประตูอายุยืน ฯลฯ

ซึ่งจะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นอย่าง หินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างแปลกๆ งดงามตระการตา เช่น หินดาบทอง หินหอกเงิน หินเครื่องดนตรีจีน ชมน้ำตกเทวดาสวรรค์ จากนั้นเดินทางสู่ เขาเทียนเหมินซาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอุทยานจางเจียเจี้ย ห่างจากตัวเมืองไป 8 กม. เทียนเหมินซานเดิมเป็นชื่อถ้ำ ตั้งชื่อมาแต่สมัยสามก๊ก ภายหลังใช้เรียกเป็นชื่อภูเขาด้วย ในปี ค.ศ.1999 เทียนเหมินซานมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่ใช่ในฐานะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นที่วัดฝีมือของนักบินชั้นเยี่ยมในการบินลอดผ่านช่องเขาประตูสวรรค์แห่งนี้ ยอดสูงสุดสูง 1,518 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีพื้นที่ 190 ตารางกิโลเมตร บนยอดเขายังเป็นพื้นที่ป่าดิบที่สมบูรณ์อย่างที่สุด ต้นไม้ใหญ่แต่ละต้นมีอายุนับร้อยปี ในระหว่างปี ค.ศ.2002-2005 การท่องเที่ยวเทียนเหมินซาน ได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 550 ล้านหยวน พัฒนาพื้นที่บางส่วนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว นำท่านขึ้นกระเช้ากอนโดล่า ที่มีความยาว 7.5 กิโลเมตร ชมความงามของภูผานับร้อยนับพันยอด และนำท่านขึ้นสู่ประตูสวรรค์ ท้าทายความสมบูรณ์ของร่างกาย ออกกำลังขึ้นบันได 999 ชั้นขึ้นสู่ชองเขาประตูสวรรค์

เมืองฟ่งหวง

เมืองฟ่งหวง เป็นเขตปกครองตนเองของชนเผ่าน้อยถู่เจียง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑลหูหนาน เมืองโบราณหงส์ตั้งอยู่ริมน้ำแม่น้ำถัว ล้อมรอบด้วยขุนเขา เสมือนด่านช่องแคบภูเขาที่เด่นตระหง่าน มียอดเขาติดต่อกันเป็นแนวแม่น้ำลำธารที่ใสสะอาดจนเห็นก้นบึ้ง รวมถึงบ้านช่องที่ยกพื้นสูงเรียงรายกันบนริมน้ำนั้น ช่างเป็นทัศนียภาพที่สวยงดงามราวกับเมืองมนุษย์และเมืองสวรรค์ประกอบกัน

เมืองโบราณฟ่งหวง มีโบราณสถานและโบราณวัตถุทางด้านวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ตกทอดมาจากราชวงศ์หมิงและชิง 120 แห่งมีถนนที่ปูด้วยหินเขียว 20 กว่าสาย สิ่งก่อสร้าง 68 แห่ง วัตถุโบราณ 116แห่ง คุณจะมีโอกาสได้เยี่ยมชมเมืองโบราณที่สร้างในราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อขึ้นด้วยหินทั้งเมือง ชื่อว่า หวงซือเฉียวกู่เฉิง ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ว่าการอำเภอ

จุดเด่นอีกแห่งหนึ่งคือ กำแพงโบราณ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ซึงเป็นที่นิยมชื่นชอบและเป็นสถานศึกษาค้นคว้าประวัติความเป็นมาทั้งชาวจีนและต่างชาติ คุณสามารถโดยสารเรือแพล่องตาม ลำน้ำถั่วเจียง สนุก ตื่นเต้น แต่ไม่มีอันตราย และชมบ้านเรือนสองฝากฝั่งแม่น้ำ สะพานโบราณ เจดีย์วั่นหมิง หอตั๋วชุ่ย ฯลฯ คุณจะได้พบกับความเป็นธรรมชาติที่รออวดต่อสายตาของคุณ เพื่อเก็บภาพความประทับใจ

นอกจากนี้ที่เมืองฟ่งหวงยังเป็น บ้านเกิดของเสิ่นฉงเหวิน อดีตนักประพันธ์ นักประวัติศาสตร์และนักการศึกษาค้นคว้าโบราณคดีของจีน เป็นบ้านที่ปลูกล้อมรอบลานบ้านทั้งสี่ด้านก่อด้วยอิฐทนไฟ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำท้องถิ่นในภาคตะวันตกของมณฑลหูหนาน ที่ได้ตกทอดมาจากปู่ของเสิ่นฉงเหวินอดีตผู้บังคับการทหารประจำมณฑลกุ้ยโจวในสมัยราชวงศ์ชิง ต่อมาจึงสร้างเป็นบ้านเกิดหลังดังกล่าวซึ่งท่านเสิ่นฉงเหวินได้จดบันทึกประวัติให้ผู้คนได้รู้จักที่มาที่ไปของเมืองฟ่งหวงนั่นเอง แล้วนำท่านเดินทางประมาณ 3 ชม.สู่ เมืองฉางเต๋อ เมืองหลวงของมณฑล หูหนาน ระหว่างท่านจะได้ชมความงามของธรรมชาติ พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตตลอดสองข้างทางของคนท้องถิ่น

เที่ยวเมืองฉางซา จางเจียเจี้ย(มรดกโลก) ฟ่งหวง(เมืองโบราณ) คุณจะได้ย้อนรอยประวัติศาสตร์ของประเทศจีนอีกสวนหนึ่งในซีกของมณฑลหูหนาน พร้อมซึมซับบรรยากาศของความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ได้สรรสร้างให้กับมนุษย์ ไม่ใช่เพียงแค่ความเพลิดเพลินสนุกสนานในการท่องเที่ยวแต่คุณยังจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยวจีน